การวิ่งตอนฝนตก (7 Tips for Running in the Rain)

1. ควรใส่หมวกวิ่ง 
หมวกเป็นสิ่งสำคัญมากในระหว่างการวิ่งขณะฝนตก ข้อดีของการใส่หมวก คือ ช่วยให้น้ำฝนไม่กระเด็นเข้าตา และที่สำคัญคือ การช่วยรักษาอุณหภูมิของศรีษะของคุณไม่ให้ลดต่ำลง เมื่อเจอกับความเย็นของน้ำฝน ซึ่งถ้าไม่ใส่หมวก หลังการวิ่งคุณอาจไม่สบายได้ เพราะร่างกายปรับตัวไม่ทัน 

2. ใส่เสื้อคลุมกันน้ำ

เสื้อกันหนาว กันน้ำ ที่มีน้ำหนักเบาเป็นสิ่งจำเป็นอย่างต่อมาที่ควรสวมใส่ ในขณะที่ฝนตก ควรเป็นผ้าที่สามารแห้งได้ง่าย เพราะจะช่วยให้รักษาอุณหูมิของร่างกายให้เป็นปกติ แต่ก็มีข้อควรระวัง หลังฝนหยุดตกแล้ว อากาศจะกลับมาร้อนอบอ้าว เราควรถอดหรือเปิดซิบเพื่อระบายอุณหูมิในร่างกายของเรา เพราะเสื้อประเภทนี้ส่วนใหญ่จะกันน้ำกันลม ซึ่งทำให้อุณหภูมิด้านในเกิดความร้อนได้ ฉะนั้น ควรใส่เฉพาะเมื่อวิ่งตอนฝนตกเท่านั้น (แนะนำเป็นเสื้อคลุม Lightweight และใช้เส้นใย Fabric Clothing)

3. ควรใส่เสื้อและกางเกงวิ่ง สีสะท้อนแสง

เพราะเมื่อฝนตก ความสามารถในการมองเห็นจะลดลง เราควรป้องกันตัวเองไว้ก่อน โดยการใส่เสื้อผ้าสีสะท้อนแสง หรือสีสดที่เห็นได้ชัด
และควรงดเสื้อผ้า สีขาว เทา ดำ เด็ดขาด

4. ควรใส่กางเกงขาสั้น

เนื่องจากกางเกงขั้นสั้นสามารระบายน้ำได้ดีกว่าขายาว และไม่ทำให้น้ำหยดลงที่รองเท้าของคุณ และควรเป็นผ้าที่ระบายน้ำได้รวดเร็ว ส่วนถุงเท้า ก็ควรใส่ถุงเท้าสั้น และเป็นเนื้อผ้าที่ไม่ได้ทำมาจากเส้นใยฝ้าย (non-cotton) เพื่อให้ระบายน้ำได้ดี

5. ระวังอุปกรณ์ Electronics

ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ หูฟัง เครื่องเล่นเพลง หรือ Accessory ต่างๆ ควรหากระเป๋าใส่ที่สามารถกันน้ำได้ 

6. ห้ามวิ่งขณะฝนตกหนัก

เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน ควรหยุดวิ่งขณะฝนตกหนัก หรือถ้ามีเสียงฟ้าผ่าควรรีบเข้าที่ร่มในอาคารทันที 

7. ข้อปฏิบัตหลังการวิ่ง

ควรรีบล้างเนื้อล้างตัว หรืออาบน้ำอุ่นได้ยิ่งดี และใส่เสื้อผ้าที่แห้ง โดยเร็วที่สุด เพราะการใส่เสื้อผ้าที่เปียกชื้นทิ้งไว้หลังจากวิ่งในสภาพอากาศเย็น สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ hypothermia , การดื่มน้ำอุ่น น้ำชา หลังวิ่งช่วยให้ร่างกายปรับตัวได้ดีขึ้น , ส่วนรองเท้าวิ่ง ควรรีบพึ่ง และให้ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ยัดเพื่อให้ดูดความชื้น